ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558

นั่งบนเครื่องเรื่องง่ายๆ

ต้องบอกไว้สักนิดนะครับ สาเหตุที่เขียนเรื่องราวเหล่านี้ ผมนำเอาไปออกอากาศในรายการความรู้คือประทีป ทางสถานีวิทยุชุมชนยอดคน 92.00 เอฟเอ็ม คลื่นวิทยุคริสเตียนที่ไม่มีการโฆษณานอกจากความรัก ความรอด และความสุขจากองค์พระผู้ทรงสร้างของมวลมนุษย์ชาติ มีผู้ใหญ่ใจดีทั้งคริสเตียนและไม่เป็นคริสเตียนให้กำลังใจทุกๆวันครับ ดังนั้นต้องขออภัยบางเรื่องมันสัพเพเหระไปบ้าง แต่บริบททั้งหมดก็คือการเรียนรู้ที่จะเผชิญชีวิตตามความเป็นจริงของทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเดินดิน บินบนฟ้า ก็จะเอามาเล่าสู่ครอบครัว 92.00 ฟังครับ เผื่อว่าสักวันหนึ่งอาจจะได้มีโอกาสพาท่านๆเหล่านี้ขึ้นเครื่องบินดูบ้างน่าจะสนุกดีครับ ผมเคยพาลูกศิษย์แถวๆหลังดอยอินทนนท์ไปต่างประเทศ เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ลูกศิษย์เหล่านี้จำไว้ตลอดชีวิตของเขาเลยครับ เดี๋ยวพูดไปก็เรื่อยๆจะเอามาเล่าให้ฟังครับ

 


เอาละครับ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผมหมายถึงการตรวจเช็คเอกสารต่างๆครบถ้วน การจองตั๋วการกำหนดเส้นทางที่จะไปต่อเครื่องเปลี่ยนเครื่องที่ไหนอย่างแล้วไร ฯลฯชัดเจนดีแล้ว ตอนนี้ก็รอวันเดินทาง จะนัดหมายเพื่อนฝูงญาติพี่น้องเลี้ยงส่งอำลาอาลัยอะไรกันก็รีบทำรีบสั่งเสียกันให้หมด(คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ555) ใครที่อยู่ไกลสนามบินอย่างผมนี่อยู่ที่บ้านวังสีสด ปากช่อง ก็ต้องเผื่อการเดินทางไว้เยอะๆสักสามสี่ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนออกเดินทางเลยละครับ

ที่นี้ก็ขอเตือนไว้ก่อนสำหรับการแต่งกาย ต้องง่ายๆสะดวกสบายที่สุดแต่ไม่ต้องถึงกับสบายจนไม่สุภาพนะครับ ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะต้องไปเข้าคิวเข้าแถวยื่นตั๋วยื่นบัตรเข้าบัตรออกกันเป็นเรื่องยาวเลยละครับ ไม่ต้องกลัวครับขนาดคุณทวดอายุ 106 ชาวเนปาลแกยังขึ้นเครื่องบินนั่งริมหน้าต่างเสียด้วยครับ ลงเครื่องต้องหิ้วปีกกันเลยครับ


รองเท้า เสื้อผ้าก็เอาไว้ให้พอเหมาะพอควรไม่ต้องหรูหรามากมายครับ เวลาถ่ายรูปเอาลงเฟสลงไลน์จะได้ดูสวยดูหล่อหน่อยก็พอแล้วครับ

 ช้าวของที่จะเอาไปด้วยยิ่งน้อยยิ่งดี สมัยก่อนไม่รู้ครับ ขนกันไปเป็นกระเป๋าๆ พะรุงพะรังเลยครับ มันเป็นภาระมากครับ ผมไปครั้งนี้มีเป้ใบหนึ่ง กระเป๋าส่วนตัวอีกใบหนึ่งแค่นี้ครับ จะเอาอะไรไปฝากเขา ทางโน้นก็มีหมดแล้วครับไม่เหมือนเมื่อก่อนต้องเอาโน่นเอานี่ไปฝาก เพราะมันหายากไม่มีขาย แต่เดี๋ยวนี้ทางอเมริกามีอาหารไทยเครื่องเทศครบหมดทุกอย่างเลยครับ เผลอๆดีกว่าบ้านเราเสียอีกครับ แต่ก็ไม่ถึงกับใจดำจนเกินไปก็หาของระลึกเล็กๆน้อยติดไม้ติดมือไปก็ได้ครับ



นี่แหละครับสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินของเราก็สวยไม่น้อยหน้าใครครับ คนเยอะครับ ยิ่งเทศกาลสำคัญๆแล้วละก้อมึนเลยครับ


ยื่นตั๋วเอกสารอะไรให้เรียบร้อยก็จะออกนอกประเทศ ก็ต้องไปผ่านกองตรวจคนออกนอกประเทศ เข้าประเทศมาก็เป็นกองตรวจคนเข้าเมืองหรือที่เขาเรียกว่า ตม.นั่นแหละครับจากนั้นก็ไปหาประตูที่เครื่องบินมารอรับเรา บางที่ก็เดินเข้าเครื่องไปได้เลย บางแห่งก็มีรถมารับไปส่งขึ้นเครื่องครับ


เข้าไปในเครื่องก็เป็นอย่างนี้ครับ หาดูตำแหน่งที่นั่งของเรา เริ่มต้นก็ชั้นหนึ่ง ชั้นนักธุรกิจอย่าเผลอไปนั่งที่สวยสะดวกสบายนะครับ เหมาะสำหรับคนที่เขาไปถึงก็ลุยงานทันทีหรือคนป่วยสุขภาพไม่ค่อยจะดีอะไรอย่างนั้นครับ ถ้าเราไม่รีบร้อนอะไรไปขั้นประหยัดนี่แหละครับมันก็ไปถึงเหมือนกันครับ ลำเดียวกันครับแต่ถ้าคนอ้วนมากๆก็อาจจะลำบากหน่อยครับ


เขาให้เอากระเป๋าส่วนตัวบางส่วนขึ้นเครื่องได้ ห้องเก็บก็อยู่บนศรีษะเรานั่นแหละครับ ระวังอย่าให้หล่นตกใส่หัวคนข้างล่างก็แล้วกันครับ จากนั้นก็นั่งรัดเข็มขัด สักพักพนักงานสายการบินก็จะมาสาธิตการรัดเข็มขัดเครื่องช่วยหายใจกรณีฉุกเฉิน ทางหนีไฟ ประตูทางออก ห้องน้ำหน้องท่า ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรผมสังเกตุดูว่าส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครสนใจฟังการอธิบายสักเท่าไหร่ ถ้าพอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆที่นี้ละครับวุ่นวายกันไปหมดครับ




ที่นั่งจะมีปุ่มสารพัดอย่าไปเที่ยวกดโน่นกดนี่เหมือนลูกศิษย์ที่ผมพาขึ้นเครื่องนะครับ ท่านกดโน่นกดนี่ พนักงานต้องคอยเดินมาถามอยู่เรื่อยๆว่าต้องการอะไรค่ะ แกไม่รู้ไปกดปุ่มเรียกพนักงานมาหาครับ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรครับแล้วก็หัวร่อคิกๆคักๆกันใหญ่ผมต้องคอยห้ามไม่ไห้ไปกดอะไร


ห้องน้ำเล็กๆ เขาห้ามแอบไปสูบบุหรี่ในนั้นครับ













อาหารก็ง่ายๆเอาแค่พออิ่มก็พอแล้วครับ

จากนั้นจะดูหนังดูละครที่เขาติดตั้งมาก็ได้ครับหรือจะหลับจะงีบ เพราะต้องใช้เวลาบนเครื่องบินอย่างนี้อีกหลายชั่วโมงก่อนจะไปถึงจุดหมายหรือเปลี่ยนเครื่องกันอีกทีครับ ของผมทั้งหมดตั้งแต่ออกจากบ้านไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน ไปรอเปลียนเครื่องที่จีนแล้วถึงที่หมายปลายทาง.ใช้เวลา2 วันครับ







รูปภาพทั้งหมดในนี้นำมาจากหลายๆแหล่ง ขอบคุณทุกๆท่านครับ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น