ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องลูกฆ่าพ่อแม่ 2 รายไล่เรี่ยกัน ซึ่งตามข่าวทั้ง 2 กรณีก็ล้วนมีที่มาที่ไปมาจากผู้เลี้ยงดูทั้งสิ้น






จากข่าวที่สะเทือนใจบวกกับความง่วงนอน ขอส่งการบ้านพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับ เพราะเป็นเรื่องหนักอกหนักใจผมจริงๆครับไม่อยากจะพูดอะไรเบาๆหรือหนักๆครับ ขอพูดแต่เพียงว่า ปัญหาสังคมไทย ปัญหาประเทศไทยสะท้อนให้เราเห็นสภาพคริสตจักรของพระเจ้าในประเทศไทยที่จะต้องแก้ไขโดยด่วนครับ


เรื่องลูกฆ่าพ่อแม่ 2 รายไล่เรี่ยกัน ซึ่งตามข่าวทั้ง 2 กรณีก็ล้วนมีที่มาที่ไปมาจากผู้เลี้ยงดูทั้งสิ้น

คดีแรก ตำรวจเค้นสอบอยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุดพี่คนโตก็สารภาพทั้งน้ำตาว่าเป็นคนก่อเหตุทั้งหมด เนื่องจากไม่พอใจที่แม่ควบคุมอย่างเข้มงวด และไม่ยอมซื้อรถให้ตามสัญญาที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้  นอกจากนี้ยังน้อยใจที่แม่รักน้องมากกว่า จึงวางแผนฆ่าแม่มาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ  สุดท้ายจึงตัดสินใจใช้ปืนของพ่อมาก่อเหตุยิงแม่เสียชีวิตขณะนอนหลับ และตัดสินใจฆ่าพ่อกับน้องชาย ก่อนจัดฉากอำพรางคดี 

คดีที่สอง
หลังเกิดคดีพี่ชายฆ่าอำพรางพ่อ-แม่ และน้องชายไม่นาน สังคมต้องตื่นตระหนกซ้ำสองกับคดีที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกัน แต่คราวนี้ผู้ก่อเหตุเป็น "น้องชาย" และไม่ได้ลงมือเองแต่จ้างวานมือปืนมาสังหารคนในครอบครัว เหยื่อโหดประกอบด้วยร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง หรือหมวดเติ้ล อายุ 27 ปี พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เสียชีวิตพร้อมพ.อ.วิชัย หอมชง อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญ กรมแพทย์ทหารบก บิดาและนางวนิดา หอมชง อายุ 57 ปี มารดาซึ่งเป็นครูโรงเรียนราชวินิตประถมบางแค ทั้ง 3 คนถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.เสียชีวิตใน บ้านพักถ.กาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา

นายกิตตินันท์ หอมชง อายุ 22 ปี บุตรชายคนเล็ก ซึ่งพักอยู่กับเพื่อน เดินทางมาบ้านเกิดเหตุให้ข้อมูลเกี่ยวข้องสาเหตุเชื่อว่าอาจจะมาจากปัญหาเรื่องที่ดินมรดกของพ่อที่ได้ส่วนแบ่งมา 3 ไร่เศษอยู่หลังบ้านที่อาศัยอยู่ มูลค่านับร้อยล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติคนหนึ่งมอมเหล้าพ่อแล้วให้เซ็นโอนที่ดินให้ แต่แม่ฟ้องร้องจนได้ที่กลับคืนมา 

อีกปมเป็นเรื่องที่แม่รับแทงหวยใต้ดินส่งให้เจ้ามือใหญ่อีก ต่อหนึ่ง โดยแต่ละงวดจำนวนเงินสูงถึงหลักหลายแสนบาท
อย่างไรก็ตามหลังจากตำรวจสอบปากคำพยานแวดล้อม และพบปมน่าสนใจว่านายกิตตินันท์ พักอยู่กับเพื่อนข้างนอกจะกลับมาเฉพาะวันหยุดและทุกครั้งจะมีปากเสียงกับบิดาที่เป็นคนเข้มงวด คล้ายกับแม่ของนักศึกษาหนุ่มในคดีที่แล้ว

ต่อไปนี้คือคำแนะนำจากนักวิชาการและจิตแพทย์

จาก 2 คดีสะเทือนสังคมที่เกิดขึ้น ทำให้นักจิตวิทยาให้ความสนใจอย่างมาก เพราะผู้ก่อเหตุเป็นเพียงวัยรุ่นแต่เหตุใดจึงกล้าลงมือฆ่าพ่อแม่และพี่น้องตัวเอง โดยไม่ได้มีสาเหตุจากความมึนเมา ยาเสพติด หรืออารมณ์ชั่ววูบ
"กรณีนี้แตกต่างจากความรุนแรงที่กระทำโดยฤทธิ์ของสารเสพติด หากเป็นไปได้ต้องลงไปศึกษาถึงแรงจูงใจของผู้กระทำ เพื่อนำมาเตือนสังคมและหาทางป้องกันต่อไป"
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และโฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวและว่าทั้ง 2 คดีที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการคิด การตัดสินใจ การแยกแยะความผิดชอบชั่วดีนั้นมีปัญหา แสดงถึงระบบคิดที่ผิดเพี้ยนไป
รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุอีกว่าความรุนแรงในครอบครัวนั้นเกิดจากพื้นฐานการเลี้ยงดูของครอบครัว 

โดยมีหลัก 3 อย่างที่ต้องระวัง คือ 
1.กรณีใช้ความรุนแรงในครอบครัว 
2.การปล่อยปละละเลยเด็ก ทำให้เด็กไม่แคร์ต่อสังคม 
3.เด็กถูกปฏิเสธจากครอบครัว หรือไม่ได้รับการยอมรับด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งจะกลายเป็นปมด้อย และเลือกที่จะใช้ความรุนแรงในการตัดสินใจได้ง่าย

ส่วนพญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รอง ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ให้ความเห็นว่าการเลี้ยงดูเด็กจำเป็นต้องใช้ความรัก และกฎระเบียบอย่างมีความสมดุลกัน คือไม่ใช่รักลูกแต่ใช้วิธีการดุด่าเพียงอย่างเดียว หรือใช้แต่กฎระเบียบอย่างเดียว ต้องสร้างสมดุลระหว่างความรัก และกฎระเบียบ
ทั้ง 2 คดีนับเป็นอุทาหรณ์และบทเรียนให้กับทุกครอบครัว เพื่อป้องกันมิให้เกิดคดีทำนองนี้ขึ้นอีก
(มีต่อ)









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น