
คุณแม่ศรีนวล ล.สุวรัตน์ นักสู้ผู้ไม่เสแสร้ง
ทันที่ผมได้ข่าวว่าคุณแม่สิ้นลมไปอย่างสงบที่บ้านลำพูนก็รู้สึกตกใจกับ การจากไปของคุณแม่อย่างรวดเร็วเพราะก่อนหน้านั้นก็ได้โทรศัพท์คุย กับคุณแม่ทุกวันๆละสองครั้งเป็นอย่างน้อย ก็รู้เพียงว่าคุณแม่บ่นว่า เหนื่อยแต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อวานพี่ชายก็พาไปคีลนิคหมอก็บอกว่า อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่ใบไม้จะร่วงจากต้นเมื่อถึงเวลาก็ไม่มีอะไรมายั้บยั้งได้
ญาติพี่น้องก็เข้ามาช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีมากๆน้ำใจของพี่น้องสุดซึ้งที่จะลืมได้ แต่พอถามว่าจะเอาพิธีไหนกันยังไงเพราะครอบครัวเรานั้นมีทั้งพุทธทั้งคริสต์ เวลานั้นผมยังติดงานอยู่ที่กรุงเทพ ก็รู้ว่าคุณแม่ศรีนวลเป็นคนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ชอบมีพิธีรีตองอะไรมากมาย ไม่อยากจะทำให้ใครเดือดร้อน เรียบๆง่ายๆผมกับญาติๆก็ตกลงกันว่าเอาคุณแม่ไปไว้ที่วัดช้างรอง แล้วก็ทำพิธีทั้งสองอย่างที่นั่นทุกคนก็เห็นด้วยและสบายใจกันทุกคน

หลายคนที่รู้จัก คุณแม่ศรีนวลจะรู้ว่าคุณแม่เป็นคนแข็งๆ แรงๆ ไม่อ้อมค้อม พูดหวานไม่ค่อยจะเป็น แต่มีความจริงใจแกจึงเป็นคนพูดตรงไปตรงมาก จริงก็ว่าจริงไม่ก็ว่าไม่ ไม่ยอกย้อนไม่เสแสร้ง คุณแม่จะออกไปทางแกร่งๆห้าว ถ้าเป็นเจ้าของค่ายมวยก็ไม่มีปัญหาเลย แต่ในความแข็งของคุณแม่ก็มีความเมตตาอ่อนโยนต่อผู้อ่อนแอกว่าและลำบากกว่าทุกคน คุณแม่ชอบแจกชอบช่วยเหลือคนอื่น
เวลาคุณแม่มาที่บ้านเราหรือไปเยี่ยมลูกหลานที่เมืองนอกคุณแม่มักจะ มองหาของฝากติดไม้ติดมือไปฝากคนอื่นอยู่เสมอ คุณแม่จะถามผมหรือภรรยาอยู่เสมอว่ามีอะไรที่ไม่ใช้บ้างจะเอาไปฝาก คนอื่น คุณแม่จะมีความคิดถึงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา คุณแม่ศรีนวลยังเป็นลูกเสือชาวบ้านของพระราชา รุ่น หริภุณชัยที่คุณแม่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านสส.อาวุโส ท่านสันติ์ เทพมณีได้ให้เกียรติมาเป็นประธานงานมอบผ้าผันคอให้กับทายาทต่อไป
หลังจากที่คุณพ่อเสียไป คุณแม่ก็มาอยู่กับครอบครัวผม 15 ปีมาช่วยทำอาหารให้นักศึกษาที่มาเรียนที่สถาบันพระคริสต์เพื่อชาวไทย ที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งตอนแรกคุณพ่อตั้งใจว่าจะมาช่วยแต่ท่านก็จากไปเสียก่อนคุณแม่ก็ เลยอาสามาช่วยงานแทนคุณพ่อ นอกทำอาหารให้ลูกศิษย์พระคริสต์เพื่อชาวไทยอ้วนถ้วนสมบูรณ์ ไม่พอ คุณแม่ก็เป็นเสมือนคุณแม่ของเด็กๆเหล่านี้ ที่สอนสั่ง ดุว่า รัก ห่วงใย ดุจดั่งลูกๆของคุณแม่เช่นกัน แม้ว่าช่วงที่คุณแม่พักผ่อนแล้วก็ยังคอยถามผมอยู่เสมอว่าลูกศิษย์คนนั้น
คนนี้เป็นอย่างไง อยู่ที่ไหน แกจะคอยถามหาลูกศิษย์ที่แกเลี้ยงมากับมือของแกอย่างห่วงหาอาทร
เช้าวันหนึ่งหลังจากที่คุณพ่อเสียไปไม่นาน คุณแม่ตื่นมาถามผมว่า พระเยซูหน้าตาเป็นอย่างไงผมก็นึกในใจว่าคุณแม่จะมารับเชื่อพระเยซู หรือไงผมก็บอกว่าตั้งแต่ผมรับเชื่อพระเยซูมาก็ยังไม่เคยเห็นพระองค์ เลย คุณแม่ก็บอกว่า เมื่อเช้าตีสาม พระเยซูปรากฏให้แม่เห็นบนท้องฟ้า แล้วคุณแม่ก็อธิบายให้ผมฟังว่าคุณแม่เห็นพระเยซูมีผ้าคลุมศรีษะและ ยิ้มให้คุณแม่ คล้ายๆจะปลอบใจคุณแม่ว่าคุณพ่ออยู่กับพระองค์แล้ว ให้สบายใจเถิด เสร็จแล้วพระองค์ก็หายไป แล้วนับตั้งแต่นั้นมาคุณแม่ก็ไม่ขัดขวางต่อต้านความเชื่อในพระเยซูอีก เลย ผมก็รู้แล้วว่าคุณแม่ได้พบกับของจริงแล้วก็อย่างที่ผมบอกไว้แล้วว่าคุณแม่เสแสร้งไม่เป็น จริงก็ว่าจริงไม่ก็ว่าไม่ แค่นี้พอ นอกนั้นเป็นความชั่ว

ผมก็เชื่อว่าถ้าเราเสาะแสวงหาความจริง ไม่เสแสร้ง จริงใจต่อกัน ไม่ยัดเยียดบังคับใจกัน รักกัน เห็นอกเห็นใจกันเราก็จะอยู่ร่วมกันในสังคมโลกนี้ ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นแน่นอน คุณแม่ศรีนวลของลูกหลาน ญาติพี่น้องได้หยุดแสวงหาสันติสุขในชีวิตของท่านแล้วและถ้าจะให้เล่า เรื่องราวประวัติของคุณแม่ศรีนวล 87 ปีที่ผ่านมาก็คงจะได้สมุดเล่มหนาๆเลยทีเดียวครับ สิ่งหนึ่งที่ชีวิตคุณแม่ศรีนวล ล.สุวรัตน์ ทำให้เราเห็นเป็นตัวอย่างก็คือ ความจริงที่ทำให้ท่านเป็นไท ที่คุณแม่ได้พบแล้วและยึดมั่นมาโดยตลอด ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่าน ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่มาร่วมในพิธีเป็นอย่างสูงครับ
ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์
เชิญเข้าชมงานที่ผมทำได้ที่
http://campmoriah-thailand.blogspot.com/
หรือ Email: thaipastors@gmail.com
เฟสบุค Tosh L Suwarat
ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น